มนุษย์มักคุ้น ชินกับการเดินบน “เส้นทาง” ที่สร้างขึ้น บนถนนหลากสายที่นำพาไปยังที่หมายต่างๆ ตามใจหมาย มนุษย์เราต่างเดินทาง ไปบนเส้นทางที่ผู้คนสัญจรไปมาจนคุ้นชินและเหมารวมคิดไปว่า ทุกหนแห่ง ทุกสิ่งอย่างต้องมี “เส้นทาง” ที่แน่ชัดปูรอไว้ให้ไปถึง แม้กระทั่งเรื่องของจิตวิญญาณและการรู้แจ้ง
“เต๋า” เป็นวิถีอันปราศจากเส้นทาง เป็นวิถีที่ต้องเสาะแสวงหาทางด้วยตนเอง เพราะเต๋ามิได้ขีดทางให้ใครเดินตามหรือบัญญัติให้ใครปฏิบัติ ไม่มีการรับรองว่าหากไปตามทางนี้จะลุยังที่หมายที่ปรารถนา เต๋าเป็นอิสระให้ท่านเป็นผู้สร้าง “ทาง” ของตน มิต้องเดินย่ำซ้ำรอยใคร เต๋าหยิบยื่น “ความรู้ตัว” ว่าธรรมชาติของท่านมีปีกที่สามารถโบยบินได้อย่างอิสระ ไปตามทางที่ปรารถนา เต๋าจึงเป็นวิถีที่ไร้วิถี เป็นทางที่ไม่ปรากฏเส้นทาง ท่านเห็นทางด้วยตัวเอง ท่านไปตามวิถีของท่านเอง
ในหนังสือ “เต๋า วิถีที่ไร้เส้นทาง” นี้ OSHO ก็มิได้บอกว่า “ทาง” นั้นคืออะไร แต่เล่าผ่านเรื่องเล่าของชาวเต๋าที่ฟังผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่หากฟังอย่างรู้ตัวทั่วพร้อม ฟังอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่ปิดทับทางของท่านจะค่อยๆ เคลื่อนออก ท่านจะเริ่มเห็นวิถีเฉพาะของท่านเอง ด้วยเรื่องเล่าเหล่านี้ หนทางที่ตัดผ่านท่านมากมายจะสลายหายไป เหลือแต่ตัวท่านเองที่ขีดเส้นทางใหม่ให้แก่ตัวเอง ท่านไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ท่านจะกลับสู่ภายในที่เป็นธรรมชาติเดิมของท่านเองโดยไม่วิ่งวน วุ่นวายไปตามวิถีของผู้อื่น